วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การเช่า pocket wifi !!

มาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้มาค่อนข้างไกล
และก้ได้เช่า pocket wifi มา ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช้งานได้ work จริงรึเปล่า เอาหล่ะ...รู้ว่าเสี่ยงแต่ยังต้องขอลอง



หาข้อมูลมาแล้ว ก็ตัดสินใจลองใช้ wise wifi ค่าเช่าเดือนมิถุนายน มีโปรโมชั่นวันละสองร้อย เลยเตรียม power bank มาคู่กันด้วย เอา 24 ชั่วโมง  www. / facebook / instragram จะไม่พรากจากกันส่วนค่าเช่าก็ราคาไม่แพง หารครึ่งกับเพื่อนอีกสบายใจ สบายกระเป๋า
เรื่องโปรโมชั่น วิธีการเช่าเครื่อง pocket wifi  ใครสนใจไปดูรายละเอียดได้ที่นี่นะ ...
http://www.wiseworldwifi.com หรือจะไปตามติดทางเฟซบุ๊คก็ยังได้ https://www.facebook.com/wise.incorporation.Thailand


เมื่อชีวิตคือการเดินทาง แล้วโชคชะตาก็พาเรามาเที่ยวญี่ปุ่น ดินแดนชูโกกุ หาข้อมูลประกอบการเที่ยวแล้วที่นี่เจ๋งมาก..ง่ายๆ คือ ภูมิภาคชูโกกุ มี 5 จังหวัด คือ ....Yamaguchi, Hiroshima, Shimane, Okayama และ Tottori มีที่ท่องเที่ยวหลากหลายสุดยอด มีที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก / มีทะเลทราย /ได้เจอโคนัน /ได้ลองออนเซ็น

ทีนี้มาถึงจุดสำคัญเรื่องที่ว่าใชัเน็ทได้เร็วรึเปล่า ขอบอกเลยว่าเร็วมาก ลงเครื่องที่สนามบินฟุกุโอกะก็เช็คอิน FB ได้อย่างสบายใช้งานคุ้ม ใช้ดูโน่น นี่ นั่น ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวในโลกออนไลน์ที่เร็วปรื้ดมากๆ อย่างกดส่งรูปในไลน์ให้เพื่อน 4 - 5 รูปพร้อมกัน กดปุ่ม sent ปุ๊ป แป็ปเดียวจริงๆ ก็ส่งเสร็จเรียบร้อยเพราะยังมี 4G ที่ครอบคลุมและวิธีการที่แสนจะง่ายเพียงแค่ใส่ username และ password ที่แปะไว้หลังเครื่อง เราใส่แค่ครั้งแรก ครั้งเดียวก็เข้าเน็ทได้ตลอดทริปเที่ยวชูโก


การเดินทางเที่ยวในครั้งนี้ใช้รถไฟ JR ซะส่วนใหญ่ มีขึ้นรถ ลงเรือบ้าง ช่วงระหว่างเดินทางก็เข้าเน็ตเช็คที่เที่ยว เช็คการเดินทาง ตารางเวลาเดินรถ ดูแผนที่ แถมอัพเดต facebook instragram กันได้แบบรัวๆ หนุกหนาน อย่างตอนนั่งชินคันเซ็นก็ยังเที่ยวโลกออนไลน์ได้สบายมาก แต่อาจมีช่วงสัญญาณหายๆ ช้าๆ ไปบ้างเหมือนกัน (ส่วนใหญ่ตอนเข้าอุโมงค์) อาจมีบางทีสัญญาณเน็ตก็หายไปอย่างไม่มีร่องรอยเหมือนกัน แต่พอรู้ตัวปุ๊ป ก็แค่กดปุ่มเปิดที่ตัวเครื่องก็ใช้งานได้ปกติ


ในวันแรกๆ ก้อาจจะมีช่วงสัญญาณหายประมาณ 2 - 3 ครั้ง ถ้าเกิดเน็ทหาย เน็ทหลุด ก็ลองกดปุ่มเปิดที่เป็นปุ่มกลมๆ ก็ใช้งานได้หล่ะจ้า ตัวแบตของเครื่อง pocket wifi อึดมาก ชาร์ทแค่ก่อนนอน ทั้งวันก็เล่นเน็ทได้สบายมาก ส่วนโทรศัพท์ที่ใช้เล่นเน็ทนั้นต้องชาร์ตวันละ 3 รอบเลยทีเดียว  แต่ตัว power bank ที่เตรียมมาก็ช่วยชีวิตโทรศัพท์ไว้ได้ทั้งวัน


เที่ยวญี่ปุ่นเมืองใกล้หรือไกล pocket wifi ก็ใช้งานได้ดี ในรถไฟ ชินคันเซ็น ขึ้นรถ ลงเรือ สบายมาก ถ้าเพื่อนๆ ไปเที่ยวแล้วไม่อยากพลาดการท่องโลกออนไลน์ ก็หาเช่า ไว้คู่กาย ใช้เดี่ยว ใช้คู่ ใช้เป็นแก๊งค์ เช่าเครื่องเดียวแชร์กันได้ ทริปหน้าใครไปเที่ยวญี่ปุ่นลองหาเช่าติดไปสักเครื่องนะ จะได้เที่ยวสนุก ออนไลน์ได้สนั่นเลยล่ะ

ติดต่อสอบถามท่องเที่ยว
http://www.iam-tour.com/


เทศกาล Fukagawa Matsuri


 

           ว่ากันว่านอกจากเทศกาล Kanda Matsuri แล้วก็ Sanno Matsuri แล้ว …งาน Fukugawa Matsuri (Fukagawa Hachiman Festival) นี้ก็ถือว่าเป็น 1 ใน 3 เทศกาลชินโตที่เก่าแก่ (เชื่อว่าจัดกันมาตั้งแต่ปี 1642) และยิ่งใหญ่ที่สุดในโตเกียวเลยนะ เทศกาล Fukagawa Matsuri เป็นเทศกาลในรูปแบบที่มีขบวนแห่ศาลเจ้าแล้วก็การสาดน้ำที่ได้รับความนิยมเทศกาลหนึ่ง เหมาะแล้วที่เป็นเทศกาลหน้าร้อน คงชุ่มฉ่ำกันน่าดู


โดยเทศกาล Fukagawa Matsuri นี้ เป็นเทศกาลประจำศาลเจ้า Tomioka Hachimangu (สร้างขึ้นราวปี 1627) มีการนำศาลเจ้าจำลองแบบเคลื่อนที่ได้ ที่เรียกว่า mikoshi มาเข้าร่วมขบวนแห่ถึง 180 mikoshi ขอบอกว่าเยอะจริง! แต่งานนี้เขาจัดกันทุก 3 ปีนะ ไม่ใช่ทุกปี..ซึ่งครั้งล่าสุดก็ควรจะจัดในปี 2011 แต่ว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นซะก่อน จึงต้องงดงานรื่นเริง แล้วมาจัดในปี 2012 แทน ส่วนครั้งนี้ก็จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 17 สิงหาคม 2014 ครั้งถัดไปก็คือในปี 2017 นั่นเอง

ติดต่อสอบถามท่องเที่ยว
http://www.iam-tour.com/

Super Yosakoi การเต้นระบำพื้นเมือง



โดยงานแสดง (และแข่งขัน) การเต้นระบำพื้นเมือง ที่เรียกว่า Yosakoi Soran นั้น หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าโด่งดังอยู่ที่เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด แต่ต้นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดโคจิ อย่างไรก็ตาม Super Yosakoi ก็ไม่ได้จัดที่โคจิ นำนักเต้นจากทั่วประเทศมาจัดกันที่โตเกียวเลยล่ะ ในย่าน Harajuku ต่อกับ Omotesando ปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2014 เวลา 10.00 – 20.00 น. ซึ่งจะมีการแสดงทั้งบนเวที (เวทีใกล้สถานี Harajuku และเวที Event Square ในสวนสาธารณะ Yoyogi) แล้วก็ขบวนพาเหรดยาวเหยียด กินเวลานาน 5 – 8 ชั่วโมง (จากแถวหน้า NHK ผ่าน Yoyogi Park และ Shibuya แล้วก็วกเข้า Omotesando) จังหวะในการเต้นส่วนใหญ่ก็จะเร้าใจ คงเต้นกันขาหลุดกันไปข้างเลยทีนี้


Yosakoi Soran เป็นการเต้นประกอบอุปกรณ์กำกับจังหวะที่เรียกว่า “naruko” เดิมทีเอาไว้ประกอบการไล่นก ไล่กา ที่มากินข้าวในนา แต่บางครั้งนักเต้นระบำก็อาจจะไม่ใช้ naruko อาจจะใช้เป็นกลอง หรือพร็อบอื่นๆ ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละทีม


นี่แค่บางส่วนของงานต่างๆ และเทศกาลฤดูร้อนที่เขาแนะนำมาว่าไม่ควรพลาด ... แต่ที่จริงแล้ว ในญี่ปุ่นมีงานเทศกาลฤดูร้อนอีกเพียบ ใครว่าไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนไม่มีอะไร ขอบอกเลยว่าไม่จริง... เทศกาลเค้าเยอะมากๆ

ติดต่อสอบท่องเที่ยว
http://www.iam-tour.com/

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โฮชิ เรียวคัง (Hoshi ryokan)

Hoshi Ryokan โรงแรมเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงเปิดให้บริการ


Hoshi Ryokan เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 717 ตั้งอยู่ในเขต Awazu Onsen เมือง Komatsu ในจังหวัด Ishikawa ผ่านการบริหารโดยคนในครอบครัวเดียวกันมาถึง 46 ชั่วอายุคน

Hoshi Ryokan
Awazu Onsen
Komatsu-shi
Ishikawa-ken 92383
Ph: 81 761 65 1111
Fax: 81 761 65 1115
Website: http://www.ho-shi.co.jp/jiten/Houshi_E/home.htm
Email: houshi@henokiens.com 

10 อันดับร้านซูชิยอดนิยมในญี่ปุ่น!!



อันดับ 10 Marinepolis (マリンポリス) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Okayama มีสาขาอยู่ทั้งหมด 98 สาขา จุดเด่นอยู่ที่คุณภาพและปริมาณของวัตถุดิบที่คุ้มค่า คุ้มราคา


อันดับ 9 Nigiri No Tokube (にぎりの徳兵衛) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Aichi มีสาขาอยู่ทั้งหมด 66 สาขา จุดเด่นอยู่ที่วัตถุดิบที่สดใหม่ ชิ้นใหญ่ และราคาย่อมเยา


อันดับ 8  Heiroku Sushi 平禄寿司 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Miyagi มีสาขาอยู่ทั้งหมด 70 สาขา จุดเด่นอยู่ที่รสชาติของข้าวที่มีรสชาติของน้ำส้มที่กล่อมกล่อม  สำหรับ Heiroku Sushi นี้ก็ได้เปิดสาขานอกประเทศญี่ปุ่น  เป็นครั้งแรกในประเทศไทยของเรานี่เอง โดยมีสาขาในประเทศไทยตอนนี้ทั้งหมด 3 สาขา คือที่ Central World Plaza ชั้น 7 และได้ทำการเปิดสาขาที่ 2 แล้วที่สาขาสยาม ชั้น 4 Digital Gateway และสาขาที่ 3 ที่สาขาเซ็นทรัล พลาซ่า แจ้งวัฒนะ ชั้น 6


อันดับ 7  Genki Sushi (元気寿司) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Tochigi มีสาขาอยู่ทั้งหมด 142 สาขา จุดเด่นอยู่ที่คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ และราคาที่ย่อมเยา


อันดับ 6 Gatten Sushi (がってん寿司) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Saitama มีสาขาอยู่ทั้งหมด 107 สาขา จุดเด่นอยู่ที่คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ โดยเฉพาะเมนูปู และ Maguro



อันดับ 5 Sushi choushimaru (すし銚子丸) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Chiba มีสาขาอยู่ทั้งหมด 69 สาขา จุดเด่นอยู่ที่คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ และราคาที่ย่อมเยา แล้วยังมีการแล่เนื้อปลา Maguro โชว์ด้วย


อันดับ 4 Hama Zushi (はま寿司)สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Tokyo มีสาขาอยู่ทั้งหมด 204 สาขา จุดเด่นอยู่ที่การเติมซอสถั่วเหลือง (Shoyu) เข้าไปในวัตถุดิบเลย รวมทั้งรสชาติของข้าวที่ใส่น้ำส้มในสัดส่วนที่น้อย สำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบรสเข้มข้นของน้ำส้มด้วย


อันดับ 3 Kappa Sushi (かっぱ寿司) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Saitama มีสาขาอยู่ทั้งหมด 391 สาขา เป็น Sushi จานเวียนที่มีสาขามากที่สุด เป็นร้าน Kaiten Sushi ที่มีอายุยาวนานกว่า 60 ปี จุดเด่นอยู่ที่ราคา และคุณภาพของวัตถุดิบ สามารถสั่งอาหารได้จากหน้าจอ Touch Screen และสายพานจะแบ่งออกเป็น 2 เลน โดยเลนด้านนอกจะเป็นเลนธรรมดาที่เสริฟอาหารเหมือนร้าน Sushi จานเวียนทั่วไป แต่เลนด้านในนั้นเป็นเลนสำหรับอาหารที่เราสั่งเป็นพิเศษ โดยมีลักษณะเป็นเหมือนรถไฟ Shinkansen มาที่โต๊ะเรา และเมื่อหยิบอาหารที่สั่งแล้ว  ก็ให้กดปุ่มแดงที่อยู่ด้านบนเพื่อปล่อยให้รถไฟ Shinkansen วิ่งกลับไป


อันดับ 2 Muten Kura Sushi (無添くら寿司) สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Osaka มีสาขาอยู่ทั้งหมด 311 สาขา จุดเด่นอยู่ที่บรรยากาศของร้าน ที่สามารถสั่งอาหารได้จากหน้าจอ Touch Screen เมื่อสินค้าที่เราสั่งใกลัจะมาถึงหน้าจอจะบอกเตือนให้ด้วย และเมื่อทานเสร็จให้เราใส่จานเปล่าครั้งละ 5 ใบ เข้าไปในเครื่องที่โต๊ะ ก็จะสามารถเล่นเกมส์ได้ 1 เกมส์ เป็นการสุ่มเล่นเกมส์เสี่ยงทายทั่วไป ถ้าทายถูกก็จะได้ของรางวัล ที่ระลึกจากทางร้าน ส่วนใหญ่บ้านที่มีเด็กๆ อยู่ด้วยจะโปรดปรานร้านนี้เป็นพิเศษ


อันดับ 1  Sushiroo スシロー สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Osaka มีสาขาอยู่ทั้งหมด 340 สาขา จุดเด่นอยู่ที่วัตถุดิบที่มีคุณภาพ การปรุงรสของข้าวที่ใช้ทำ Sushi  เมนูพิเศษของทางร้านที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ และหาทานไม่ได้ในร้านอื่น วิธีการสั่งก็สามารถสั่งอาหารที่ไม่มีอยู่ในสายพานฝ่านหน้าจอ Touch Screen ได้เช่นกัน และอาหารสั่งพิเศษก็จะวิ่งมาในสายพานที่มีความเร็วกว่าสายพานทั่วไป เมื่ออาหารใกล้มาถึงจะมีเสียงเดือน ให้เราหยิบอาหารด้วย

ติดต่อท่องเที่ยว
http://www.iam-tour.com/

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ(Itsukushima Shrine)



ศาลเจ้าลอยน้ำ หรือ ประตูโทริอิลอยน้ำ เมื่อน้ำขึ้นจะเห็นประตูโทริอิสีแดงสดลอยอยู่กลางน้ำ ในบริเวณเกาะ มิยาจิม่า (Miyajima) จังหวัด ฮิโรชิม่า (Hiroshima) รวมทั้งตัวศาลเจ้าด้วย ศาลเจ้าอิสึคุชิมะนี้ (Itsukushima) เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ศาลเจ้านั้นถูกสร้างมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 16 แต่ได้สืบต่อการออกแบบมาจากการออกแบบในช่วงศตวรรษที่ 12

โครงสร้างในการก่อสร้าง ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima) จะมีลักษณะคล้ายแพ เมื่อน้ำขึ้นจะทำให้ศาลเจ้ามีลักษณะลอยน้ำได้ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ นี้ก็เช่นกันกับศาลเจ้าอื่นๆ ของญี่ปุ่น เมื่อเกิดสงคราม ก็มีการถูกทำลายหลายครั้งด้วยกัน แต่ตึกแรกของ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ นั้น ไม่ได้ถูกทำลายไปด้วย จึงอยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16

ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตปกครองฮิโรชิมา (Hiroshima) เมือง ฮัทศึไคชิ (Hatsukaichi) บนเกาะมิยาจิม่า (Miyajima)

ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ บูชา ลูกสาวทั้งสามคนของ สุซาโนโอะ โนะ มิโคโตะ (Sosano-o no mikoto) ซึ่งเป็นเทพแห่งพายุและท้องทะเล และบูชา เทพเจ้าหญิงแห่งดวงอาทิตย์ อามาเทราสุ (Amaterasu) และเกาะมิยาจิมะถือเป็นเกาะศักสิทธิ์ คนธรรมดาไม่ได้รับอนุญาติให้เหยียบขึ้นมาบนเกาะนี้ เพื่อที่จะรักษาความบริสุทธิ์ ของเกาะมิยาจิม่าไว้ ดังนั้นจึงสร้างศาลเจ้า ให้มีลักษณะคล้ายแพ ซึ่งลอยอยู่เหนือผืนดิน เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมได้อยู่บนแพ


นอกจากนั้นเกาะนี้ยังคงไม่ให้มี การเกิดและการตายมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1878 ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ใกล้คลอดจะต้องย้ายออกไปจากเกาะมิยาจิม่า ผู้สูงอายุมากๆและผู้ป่วย ก็ไม่อนุญาติให้อยู่บนเกาะ และไม่ให้มีการเผาศพที่เกาะเช่นกัน

ประตู ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ หรือโทริอิ ที่ตั้งอยู่กลางทะเล เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างมาก ของเกาะมิยาจิม่า และถ้าขึ้นไปมองจากยอดเขา Misen ซึ่งเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ประตู ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ นี้ มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1168 แต่มีการเปลี่ยนอันเหมือนกัน อันปัจจุบันตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1875 ตัวประตูเองทำจากไม้ที่มีคุณสมบัติต้่านการเสื่อมสลายอันเนื่องมาจากแสงอาทิตย์ เป็นไม้ที่มีในไม่กี่ประเทศเท่านั้น ได้แก่ จีน เวียด นาม เกาหลี ญี่ปุ่น


และเมื่อน้ำลงนักท่องเที่ยวนิยมเอาเหรียญไปวางที่รอยแตกของ ประตูศาลเจ้าเพื่ออธิษฐาน และชาวบ้านก็นิยมมาเก็บหอยเพื่อบริโภคกัน ส่วนตอนกลางคืน ประตู ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ ที่สะท้อนแสงกับผิวน้ำก็สวยงามมากเช่นกัน

ในช่วงปี ค.ศ. 2004 (5 กันยายน) พายุไต้ฝุ่น Songda เข้าทำลายศาลเจ้าบางส่วน แต่ก็ต้องทำให้ต้องปิดซ่อมชั่วคราว เป็นระยะเวลาหนึ่ง

:  การเดินทาง
นั่งรถไฟมาลงที่สถานี MIYAJIMAGUCHI แล้วต่อเรือเฟอรี่มาลงที่เกาะมิยาจิม่า เดินประมาณ 900 เมตร จะถึง ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ ค่าเข้าชม 300 JPY และใกล้เคียงจะมีพิพิธภัณฑ์ เก็บสมบัติของศาลเจ้า ค่าเข้าชม 500 เยน ค่าบริการ Ropeway ขึ้นยอดเขา Misen 1,800 JPY สำหรับไปกลับ ถ้าขาเดียวก็ 1,000 JPY แต่ก็มีบัตรสุดคุ้มสำหรับ One-Day Trip ขายเช่นกัน สามารถใช้กับรถไฟที่ฮิโรชิมา เฟอรี่ และ Ropeway ได้ในราคา 2,000 JPY ซื้อได้ที่สถานีฮิโรชิม่า
 

ติดต่อสอบถามท่องเที่ยว

วิวสวยจากจุดสูง Tokyo Skytree หอคอยที่สูงที่สุดในโลก

วิวสวยจากจุดสูง
Tokyo Skytree หอคอยที่สูงที่สุดในโลก

Tokyo Skytree

Tokyo Skytree (โตเกียวสกายทรี) หรือ โตเกียวทาวเวอร์แห่งใหม่ (New Tokyo Tower) ทำหน้าที่เป็นหอสื่อสาร กระจายคลื่น ตั้งอยู่ที่ เขตซุมิดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2555 Tokyo Skytree ได้รับการบันทึกลงกินเนสส์บุ๊คว่าเป็น หอคอยที่สูงที่สุดในโลก และถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงอยู่ที่ 634 เมตร (2,080 ฟุต)


Tokyo Skytree กลายเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความสนใจ จากทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ


ข้อมูลเล็กๆ สำหรับการขึ้นหอคอย Tokyo Skytree
- ขาตั้งกล้องสามารถนำขึ้นไปได้ ยกเว้นในกรณีที่มีคนเข้าใช้บริการหนาแน่น
- ชั้นที่ 340, 345, และ 350 เมตร สามารถเดินขึ้น-ลงได้ตลอด
- Skytree Shop มีให้บริการที่ ชั้น 1 ชั้น 5 และชั้นที่ 345 เมตร
- ทดสอบจับเวลาการขึ้นลิฟท์จากชั้นที่ 4 ไปชั้นที่ 350 เมตร ใช้เวลาเพียง 5 0วินาที!
- ตั๋วค่าเข้าชมไม่มีการตัด ฉีก สามารถเก็บเป็นที่ระลึกได้ (บางรอบมีของที่ระลึกพิเศษ เช่น ที่คั่นหนังสือรูป สกายทรี)


มองจากตรงนี้จะเห็น โตเกียวทาวเวอร์ หอคอยเก่า มีความสูง 333 เมตร ซึ่งสูงไม่พอที่จะส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์แบบดิจิตอลให้ครอบคลุม เนื่องจากปัจจุบัน อาคารและตึกสูงจำนวนมากถูกสร้างขึ้น ทำให้บดบังสัญญาณบริเวณใจกลางเมือง โครงการก่อสร้าง Tokyo Skytree จึงเกิดขึ้น

โตเกียวทาวเวอร์ หอคอยเก่า


ภาพจากจุดชมวิว Tokyo Skytree





วิธีการจองตั๋วเข้าชม Tokyo Skytree มีระบบการจองตั๋วผ่านเ็ว็บไซต์ www.tokyo-skytree.jp/en
- รอบเข้าชม จำกัดจำนวนครั้งต่อวัน และระบุเวลาในแต่ละรอบ
- สำหรับตั๋วที่จองผ่านระบบออนไลน์ ต้องนำบัตรเครดิตที่ใช้จองไปแสดงทุกครั้ง
- ราคาตั๋วปกติ 2,000 เยน สำหรับผู้ใหญ่ (บวก 500 เยน สำหรับตั๋วจอง และเป็นตั๋วที่ระบุเวลาไว้ชัดเจน)


Floor Guide และ Access วิธีการเดินทางไป Tokyo Sky Tree

ติดต่อสอบถามท่องเที่ยว








วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เที่ยวโกเบ : อาริมะออนเซน (Arima Onsen)

อาริมะออนเซน (Arima Onsen)


อาริมะ เป็นแหล่งแช่น้ำแร่ออนเซนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น อยู่ในเขตเมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ เชื่อว่าน้ำแร่ของที่นี่มีคุณสมบัติช่วยบำบัดรักษา โรคภัยต่างๆ ได้หลากหลาย เพราะว่ามีแร่ธาตุมากมาย ซึ่งนอกจากอาริมะจะมีจุดแช่น้ำแร่ทั้งแช่ตัว แช่เท้า หรือสำหรับดื่มอยู่หลายจุดแล้ว ก็ยังมีวัดเก่าแก่ รวมถึงสวนสวยๆ เหมาะสำหรับเดินเล่นในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย อาริมะออนเซ็นถือเป็นเมืองแสนสงบที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทำให้มีผู้มาเยือน Arima Onsen แห่งนี้ถึงปีละกว่า 1.6 ล้านคน


เชื่อกันว่า ศาลเจ้า Tousen Jinja นั้นเป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าผู้ปกป้องคุ้มครองอาริมะออนเซ็นและมีตำนานกล่าวขานกันว่าออนเซนแห่งนี้ถูกค้นพบโดย Onamuchi-no-mikoto และ Sukunahikona-no-mikoto สองเทพเจ้าที่ไปเยือนที่อาริมะ ระหว่างนั้นพบอีกาที่ได้รับบาดเจ็บ 3 ตัวมาดื่มน้ำที่นี่ เพียง 2 – 3  วัน อาการบาดเจ็บของพวกมันก็หายไป ทำให้เทพทั้งสองรู้ว่าบ่อน้ำที่นี่เป็นออนเซนชั้นดีที่รักษาอาการบาดเจ็บได้ และเกิดเป็นตำนานเกี่ยวกับอีกาทั้งสามแห่งอาริมะ หรือ Three crows of Arima ขึ้น


Arima Onsen มีชื่อเสียงในราชสำนักเป็นอย่างมาก ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิโจเม (Jomei, 593 – 641) รวมถึงจักรพรรดิโคโทขุ (Koutoku, 596 – 654) เรื่อยมา กระทั่งสมัยเอโดะ (Edo) อาริมะก็กลายเป็นพื้นที่ทรัพย์สินของแผ่นดินอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ภายหลังจึงมีการสร้างโรงอาบน้ำ (Bathhouse) ไว้รองรับนักเดินทางด้วย และพัฒนาขึ้นมาเป็นสถานที่ตากอากาศสำหรับแช่น้ำแร่ออนเซนที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน


ปัจจุบันนี้ Arima Onsen ถือเป็นออนเซนที่เก่าแก่และดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เทียบเคียงได้กับ Dogo Onsen ของจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime Prefecture) บนเกาะชิโกกุ และ Shirahama Onsen ของจังหวัดวาคายาม่า (Wakayama Prefecture) ในแถบคันไซ 


Arima Onsen ตั้งอยู่ห่างจากย่านอุเมดะ ของจังหวัดโอซาก้าด้วยรถบัสเพียง 1 ชั่วโมง…

การเดินทาง
หากเดินทางโดยรถไฟจากสถานี Sannomiya หรือสถานี Shin-Kobe ของเมืองโกเบ ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Tanigami ก็นั่งรถไฟสาย Shintetsu Arima-Sanda ไปลงที่สถานี Arima-guchi แล้วเปลี่ยนไปต่อสาย Arimaไปลงที่สถานี Arima Onsen ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 30 – 40 นาที โดยมีค่าใช้จ่ายไม่ถึง 1,000 เยน/One Way 

หากจะเดินทางผ่านไปทางภูเขารกโกะ (Mt. Rokko) ก็เริ่มต้นที่สถานี Sannomiya นั่งรถไฟ Hankyu Kobe Line ไปลงที่สถานี Rokko แล้วนั่งรถเมล์ Kobe City Bus สาย 16 ไปที่ Rokko Cablecarนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นเขาไป แล้วต่อรถบัส (เวียน) ไปที่ Rokko Arima Ropway เพื่อไปยัง Arima Onsen โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,200 เยน/One Way 



ติดต่อรายละเอียดเติม

ปราสาทชูริ (Shuri Castle) ปราการแห่งโอกินาวะ


ปราสาทชูริ (Shuri Castle) หรือที่ชาวโอกินาวะ เรียกว่า “Shuri Jo” นั้น เป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยที่อาณาจักรริวกิว* (The Kingdom of Ryukyus) ยังมีอิทธิพลอยู่ในดินแดนแทบนี้


อาณาจักรริวกิวนั้นครอบครองดินแดนหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น (ปัจจุบัน) เมื่อประมาณ 450 ปีก่อน หรือราว ค.ศ. 1429 – 1879 โดยสมัยก่อนนั้นมีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในพื้นที่แถบนี้ และในที่สุด ราวปี 1429 โช ฮาชิ (Sho Hashi) ก็สามารถพิชิตดินแดนส่วนใหญ่ และสร้างบ้านสร้างเมืองให้เป็นปึกแผ่นขึ้นมาจนได้ จึงเกิดเป็นอาณาจักรริวกิวและกำเนิดราชวงศ์โช (Sho Dynasty) ขึ้นมา


อาณาจักรริวกิวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะได้ทำการค้าและสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศข้างเคียง รวมทั้งจีน ญี่ปุ่น (เดิม) เกาหลี และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่ในปี 1609 พวกซัตสึมะ (Satsuma Clan) จากญี่ปุ่นจะนำพลประมาณ 3,000 นาย มารุกรานอาณาจักรริวกิว จนช่วงชิงปราสาทชูริได้ ซึ่งแม้อาณาจักรริวกิวจะยังคงอยู่ต่อไปอีกกว่า 270 ปี แต่ก็อยู่ภายใต้การปกครองของพวก Satsuma และโชกุน Tokugawa กระทั่งปี 1879 ในช่วง Meiji Restoration รัฐบาลญี่ปุ่นก็ประกาศให้ดินแดนแถบนี้เป็น จังหวัดโอกินาวะ (Okinawa Prefecture) ทำให้อาณาจักรริวกิวสูญสลายไปในที่สุด ปราสาทชูริจึงเป็นเสมือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโอกินาวะ (และอาณาจักรริวกิว) ที่ญี่ปุ่นอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี 


อันที่จริงบริเวณโดยรอบปราสาทชูริทั้งหมด หรือที่เราเรียกว่า Shuri Castle Park นั้นประกอบหมู่อาคารและสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจหลายสิบจุด ซึ่งได้รับการบูรณะ และดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี โดยพื้นที่ทั้งหมดถูกกำหนดให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และปราสาทชูริก็เป็นทั้งที่พำนักของราชารวมถึงเป็นที่ว่าการของ Shurijo Royal Government ด้วย และหลังได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดโอกินาวะ ปราสาทชูริจึงถูกใช้เป็นที่บัญชาการทหารของกองทหารญี่ปุ่น และยังเป็นโรงเรียนด้วย น่าเสียดายที่กองทัพสหรัฐฯ ได้เผาทำลายปราสาทชูริเสียเกือบราบคาบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (1945) ทั้งๆ ที่ปราสาทชูริกำลังอยู่ในช่วงบูรณะ (ตั้งแต่ช่วงปี 1930) หลังสงครามที่นี่ก็ถูกใช้เป็นมหาวิทยาลัย (University of the Ryukyus) กระทั่งมีการมหาวิทยาลัยได้ที่ตั้งใหม่ ปราสาทจึงได้รับการปรับปรุงอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน 

และที่ชาวโอกินาวะภาคภูมิใจก็คือปราสาทชูรินั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (World Heritage) เมื่อปี 2000 เช่นเดียวกับอีกหลายปราสาทของโอกินาวะ โดยเรียกรวมว่า “Gusuku Sites and Related Properties of the Kingdom of Ryukyu” ประกอบด้วย




1.   Shurijo Castle
2.   Sonohyan Utaki Stone Gate
3.   Tamaudun
4.   Shikina-En Gardens
5.   Nakijin Castle
6.   Katsuren Castle 
7.   Zakimi Castle
8.   Nakagusuku Castle และ
9.   Sefa Utaki 
ทั้งหมดนี้นับเป็นพื้นที่มรดกโลกลำดับที่ 11 ของประเทศญี่ปุ่น

พื้นที่ส่วนใหญ่ในปราสาทชูริ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ฟรี แต่ก็มีบางจุด บางพื้นที่ที่ต้องเสียค่าเข้าชม รวม 800 เยน ซึ่งก็ไม่ถือว่าแพงเลย ถ้าจะถูกเรียกเก็บไปเพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาสถานที่ แล้วก็มีกติกาบางอย่างที่ผู้มาเยือนควรให้ความเคารพ เพื่อให้การท่องเที่ยวประสารทชูริเป็นไปได้อย่างยั่งยืน อย่างเช่น สำหรับการเข้าตัวประสาทใหญ่จะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกที่ทางเจ้าหน้าเตรียมไว้ให้ และคืนถุงเมื่อออกจากตัวปราสาท และมีข้อควรระวังในการมาเที่ยวชมตัวปราสาทชูริด้วย นั่นคือบางจุดไม่ได้รับการอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ ทางปราสาทจะมีป้ายเตือนไว้อย่างชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ควรให้ความเคารพในเรื่องนี้ด้วย


นอกจากความสวยงาม ศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่แปลกตาและมีให้ชมได้ไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นแล้ว ความน่ารัก น่าเที่ยวของปราสาทชูริอีกอย่างหนึ่ง (ซึ่งคนญี่ปุ่นเขามักจะใส่ใจรายละเอียดนี้กับทุกสถานที่อยู่แล้ว) ก็คือพื้นที่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากตัวประสาทมีหลายระดับ การเดินทางด้วยรถเข็น (Wheelchairs) ก็เลยดูเหมือนน่าจะลำบาก แต่สำหรับปราสาทชูริแล้ว เห็นได้ชัดเลยทีเดียวว่าเขาใส่ใจกันสุดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแต่ละจุด จะต้องคอยช่วยเหลือ ผู้ที่ใช้ Wheelchair (รวมทั้งรถเข็นเด็ก) ให้เดินทางผ่านจุดที่ตนรับผิดชอบไปได้อย่างราบรื่น บางจุดจึงมีทางลาด ราวจับ บางจุดถึงกับมีราวเลื่อนอัตโนมัติ แล้วก็ลิฟต์สำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ เรื่องนี้ที่นี่.. เด่นมากๆ 


พื้นที่นอกกำแพงปราสาทซึ่งยังคงอยู่ใน Shuri Castle Park ก็ร่มรื่น วิวทิวทัศน์ก็สบายตา จากกำแพงปราสาทสามารถมองเห็นเมืองนาฮาในมุมกว้างได้ด้วย ผู้ที่ชื่นชอบการเที่ยวชมปราสาทเชื่อว่าจะประทับใจกับการมาเยือนปราสาทชูริอย่างแน่นอน 


และที่ปราสาทชูริก็ยังมีจุดประทับตราที่ระลึกอยู่ทั่วไป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถหยิบแบบฟอร์มสำหรับเช็คจุดประทับตราต่างๆ ในพื้นที่ Shuri Castle Park ได้จากจุดบริการ นี่เป็นกิจกรรมเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาก ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จะสนุกกับการตามล่าตราประทับกันทีเดียว แต่ถ้าอยากจะเก็บตราประทับที่ระลึกที่ Shuri Castle Park นี้ให้ครบจริงๆ คงจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่มากกว่าครึ่งวันเป็นแน่ เพราะว่าเยอะจริงๆ!

ปราสาทชูริ ตั้งอยู่ที่เมืองนาฮา (Naha City) ซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัดโอกินาวะ เปิดบริการเกือบทุกวัน (ยกเว้นพุธและพฤหัสแรกของเดือนกรกฏาคม) 

เวลาเปิด-ปิด
   
เม.ย. – มิ.ย.     ตั้งแต่ 08.30 – 19.00 น.
ก.ค. – ก.ย.   ตั้งแต่ 08.30 – 20.00 น.
ต.ค. – พ.ย.   ตั้งแต่ 08.30 – 19.00 น.
ธ.ค. – มี.ค.   ตั้งแต่ 08.30 – 18.00 น.


ค่าเข้าชม 
   
ผู้ใหญ่       800 เยน
เด็กโต       600 เยน (High School)
เด็กเล็ก       300 เยน (ประถมและ Junior High)
เด็กต่ำกว่า 6 ปี   ฟรี   



ติดต่อสอบถามท่องเที่ยว